นักลงทุนหรือคนเล่นหุ้นที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้นผมคิดว่าเขาน่าจะมีวิธีการและ/หรือคุณสมบัติที่สำคัญอย่างน้อย 3-4 อย่างดังที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้
ข้อแรก คือ เขาจะต้องมี ความรอบรู้ ความฉลาดหลักแหลม ความสามารถในการวิเคราะห์และคาดการณ์อนาคตของธุรกิจต่าง ๆ หลายอย่าง คนที่เก่งมาก ๆ ในด้านนี้มักจะได้รับการยอมรับว่าเป็นคนอัจฉริยะในด้านของการลงทุน หลาย ๆ คนมักจะเป็นคนที่มี IQ ค่อนข้างสูง
ข้อสอง เขาจะต้องทำงาน เป็นคนขยันไม่เกียจคร้าน โดยเฉพาะที่เป็นงานเกี่ยวกับการลงทุน การหมั่นค้นคว้าหาโอกาสในการลงทุน ต้องเป็นคนที่อ่านหนังสือมาก คนที่ทำงานมาก ๆ เป็น Workaholic หรือคนบ้างาน ก็จะมีโอกาสได้รู้จักและเข้าใจบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ เป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นพื้นฐานและข้อมูลสำคัญสำหรับการลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ คนที่สามารถทำงานหนัก ๆ ได้มากนั้น นอกจากจะต้องเป็นคนหนุ่มสาวและมีสุขภาพดีแล้ว เขามักจะต้องมี Passion หรือความหลงใหลในการลงทุนที่รุนแรงด้วย
ข้อสาม เขาจะต้องมี EQ หรือความสามารถทางอารมณ์ที่จะควบคุมตนเองไม่ให้ผันผวนไปตามภาวะของตลาดและราคาหุ้น มีความสามารถที่จะคิดได้อย่างเป็นอิสระด้วยตนเอง และสามารถปฏิบัติตามแผนและนโยบายที่ได้วางไว้อย่างมั่นคง
ข้อสี่ เขาจะต้องมีความเข้าใจหรือมี Sense หรือ ความรู้สึกหรือไหวพริบเกี่ยวกับภาวะของผู้คนและนักลงทุนในตลาด Sense นี้เป็นเรื่องยากที่จะสอนกัน แต่การลงทุนมานานผ่านร้อนผ่านหนาวมามากก็ช่วยให้เรามี Sense ดีขึ้นได้
คุณสมบัติทั้งสี่ข้อนี้ ผมคิดว่านักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาวต้องมี อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่คน ๆ หนึ่งจะมีคุณสมบัติดีเด่นในทุกข้อ โดยปกติแล้ว นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมักจะมีคุณสมบัติข้อหนึ่งข้อใดหรือสักสองข้อที่เด่น และมีคุณสมบัติในข้อที่เหลือพอใช้ แบบนี้เขาก็จะประสบความสำเร็จได้ ว่าที่จริง “เซียน” หรือคนที่ประสบความสำเร็จมากนั้น มักจะมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมมาก ๆ จริง ๆ เพียงบางข้อเท่านั้น และนั่นยังเป็นการแบ่งแยกด้วยว่าเขาเป็น “เซียน” ประเภทไหน
คนที่อาศัยความรอบรู้หรือ IQ ทางการลงทุนเป็นหลักมักจะเป็น “เซียน” ระดับอัจฉริยะที่มักจะประสบความสำเร็จสูงและมีชื่อเสียงยาวนาน ตัวอย่างก็แน่นอน ประเภท วอเร็น บัฟเฟตต์ บิล มิลเลอร์ จอห์น เทมเปิลตัน คนเหล่านี้จะมีความคิดและความเข้าใจลึกซึ้งมากในด้านของการลงทุนและของกิจการ พวกเขาจะสามารถมองเหตุการณ์ไปข้างหน้าได้ไกลกว่าและถูกต้องกว่า และลงทุนซื้อหุ้นจำนวนมากเพื่อรอเก็บเกี่ยวผลในระยะยาวซึ่งผลการลงทุนนั้นมักจะประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง นักลงทุนทั่วไปมักจะชื่นชมและยกย่องพวกเขา “หลังจาก” เห็นผลแล้ว แต่ในขณะที่พวกเขากำลังซื้อหุ้นนั้น เรามักจะแปลกใจและคิดว่าพวกเขากำลังคิดผิด เราไม่อยากซื้อหุ้นตามพวกเขาเพราะเรามองว่าหุ้นที่พวกเขากำลังซื้อนั้นดูไม่น่าจะดีและเราไม่เข้าใจว่าเขาซื้อทำไม
คนที่อาศัยความขยันทำงานหนักเป็นหนทางสู่ความสำเร็จนั้น คือคนที่อาจจะเข้าสำนักงานตั้งแต่เช้าตรู่และกลับบ้านเมื่อตะวันลับฟ้าไปแล้ว พวกเขาต้องอ่านบทวิเคราะห์เป็นสิบ ๆ เล่มในแต่ละสัปดาห์และต้องเข้าประชุมฟังการบรรยายของบริษัทจดทะเบียนเกือบจะทุกวัน เวลาที่ว่างจากการอ่านพวกเขาก็มักจะต้องพูดโทรศัพท์เพื่อหาข้อมูลที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการลงทุน หลังเลิกงานพวกเขายังต้องหอบแฟ้มกลับไปทำที่บ้าน วันหยุดก็มักจะไม่เป็นวันหยุดอย่างที่ควรเป็น แน่นอน ผมกำลังพูดถึงคนจำนวนมากหรือส่วนใหญ่ที่ทำหน้าที่บริหารกองทุนรวมที่ต้องติดตามบริษัทเป็นร้อย ๆ แห่งหรืออย่างในสหรัฐนั้นเป็นพัน ๆ แห่ง คนเหล่านี้ส่วนใหญ่กลับไม่ประสบความสำเร็จเพราะพวกเขาต่างก็ขยันและทำงานหนักพอ ๆ กัน คนที่ประสบความสำเร็จสูงมากในกลุ่มนี้ก็คือ ปีเตอร์ ลินช์ ที่สุดท้ายต้องลาเวทีไปก่อนเกษียณเนื่องจากรับกับการทำงานแบบนั้นไม่ไหว
คนที่อาศัย EQ เป็นหลักในการประสบความสำเร็จนั้น คือคนที่มีศรัทธายึดมั่นในหลักการและนโยบายการลงทุนที่ตนเองเห็นว่าดีและเหมาะกับตนเองแล้ว นโยบายและกลยุทธ์เหล่านั้นอาจจะไม่ใช่หนทางที่ทำให้เขารวยเร็วที่สุดแต่อาจจะปลอดภัยและให้ผลตอบแทนคุ้มค่า เขาเชื่อมั่นว่าถ้าเขายึดหลักการที่กำหนดไว้ดีแล้วนั้น ในระยะยาวเขาก็จะบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จได้ ตัวอย่างเช่น เขาอาจจะกำหนดว่าเขาจะลงทุนแบบสะสมเงินที่หาได้จากการทำงานไปเรื่อย ๆ ทุกเดือน โดยแบ่งเงินลงทุนไปในหุ้นและพันธบัตรเท่า ๆ กัน โดยที่หุ้นลงทุนอาจจะเป็นหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในแต่ละอุตสาหกรรมหลัก ๆ ห้าบริษัทเป็นต้น และการลงทุนนี้จะเป็นการลงทุนตลอดเวลาไม่ว่าภาวะตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร
ตัวอย่างของคนที่ใช้ EQ เป็นหลักและประสบความสำเร็จสูงมากก็คือ “คนธรรมดา” ที่ชื่อว่า แอนน์ ไชเบอร์ ซึ่งผมเคยเขียนมานานแล้ว เธอเป็นสาวโสดที่ไม่เคยแต่งงาน อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจ เป็นคนกินเงินเดือนที่ไม่มีทรัพย์สมบัติ เริ่มลงทุนเมื่ออายุ 50 ปีไปแล้ว เธอยึดมั่นลงทุนในบริษัทที่เธอเห็นว่าเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่อย่างเช่น โค๊ก ถือยาว ติดตามผลการดำเนินงาน รับปันผล ลงทุนเพิ่ม วันที่เธอเสียชีวิต พอร์ตของเธอเกือบ พันล้านบาท เธอทำได้เพราะอายุวันตายประมาณ 100 ปี
คนที่ใช้ Sense ในการลงทุนเป็นหลักแล้วประสบความสำเร็จนั้น ผมคิดว่าส่วนใหญ่ก็คือคนที่เราเรียกว่า “ขาใหญ่ ” ในตลาดหุ้น แน่นอน ขาใหญ่ในตลาดหุ้นไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จทุกคน หลายคนก็ขาดทุนหรืออยู่ไม่นาน คนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ผมคิดว่าพวกเขาต้องมีคุณสมบัติข้ออื่น ๆ ดังที่กล่าวข้างต้นด้วย แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จก็คือ ความสามารถในด้านของจิตวิทยาการอ่านใจนักเล่นหุ้นในตลาดได้ดีกว่าคนอื่น นอกจากการอ่านเกมออกแล้วพวกเขายังน่าจะมีความสามารถในการจูงใจให้คนอื่นเล่นตามด้วย และนี่อาจจะเป็นศาสตร์ที่คนอื่นไม่สามารถทำได้และทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จสูงมากในการลงทุนโดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทย
ทั้งหมดนั้นก็คือหนทางสู่ความสำเร็จในการลงทุน 4 แบบ นักลงทุนแต่ละคนต้องเลือกว่าวิธีไหนที่เราชอบและมีศักยภาพที่สามารถทำได้ การค้นหาตัวตนก่อนที่จะเลือกเดินทางนั้นสำคัญมาก เลือกถูกก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว เลือกผิดเราอาจจะพบกับความผิดหวังหรือหายนะ สำหรับคน “กลาง ๆ” ผมแนะนำว่าแนวทางของการใช้ EQ เป็นหลักในการลงทุนเป็นวิถีทางที่น่าสนใจ และย้ำอีกครั้ง ไม่ว่าจะเลือกแนวไหน เราจำเป็นต้องเรียนรู้และเข้าใจทุกทางด้วยมิฉะนั้นก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
บทความนี้ลงในบล็อกดร.นิเวศน์ 15 มีค.2552
No comments:
Post a Comment