เรื่องราวของเครื่องตรวจจับระเบิดที่ชื่อว่า TG 200 ซึ่งมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าไม่สามารถตรวจระเบิดได้จริงแต่คนที่ใช้เองก็ยังยืนยันว่าใช้ได้ผลและจะยังใช้ต่อไปตราบที่ยังไม่มีเครื่องมืออื่นมาทดแทนนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะว่าที่จริงเรายังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากที่คนมีพฤติกรรมแบบเดียวกับเรื่องของ GT 200 แม้ว่ารายละเอียดจะต่างกัน
สมัยหนึ่งเมื่อโรคเอดส์เพิ่งจะโด่งดังและมีผู้คนเป็นกันมาก เราก็มียาซึ่งอ้างว่าทำจากสมุนไพรและเป็นสูตรลับซึ่งผู้ผลิตบอกว่าสามารถรักษาคนที่เป็นให้หายได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ผู้คนแห่กันไปขอซื้อมาใช้กันอย่างล้นหลาม แต่ต่อมาก็มีการพิสูจน์โดยวิชาการแพทย์มาตรฐานว่าเป็นยาที่ใช้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงนั้นคนที่เป็นเอดส์จำนวนมากก็ยังยืนยันที่จะใช้อยู่
เรื่องยารักษาโรคเอดส์นั้นก็เป็นเพียงอีกเรื่องหนึ่งที่มาแล้วก็หายไปเช่นเดียวกับเรื่อง “ยามหัศจรรย์” ของ “ป้าเช็ง” ที่นอกจากไม่สามารถรักษาให้โรคหายแล้ว บางรายยังมีปัญหารุนแรงขนาดทำให้ตาบอดได้ อย่างไรก็ตาม ถึงวันนี้ผมคิดว่าถ้าเปิดขายก็น่าจะยังมีคนมาซื้อไปใช้อยู่
เรื่องที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ผมคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไปมันก็คงจะล้มหายไป แต่ยังมีเรื่องทำนองแบบนี้อีกมากที่จะยังอยู่กับเราไปเรื่อย ตัวอย่างที่ชัดเจนก็น่าจะรวมถึงการ “ดูหมอ” โดยเฉพาะหมอดัง ๆ อย่างหมอดู “อีที” ที่พม่า เรื่องของความมหัศจรรย์ของเทคนิคในการสร้างพลังทางจิตใจหรือใช้ความคิดที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่หรือแก้ปัญหาที่รุนแรงบางอย่างได้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีมาอยู่เรื่อย ๆ พร้อมกับชื่อที่เปลี่ยนไป และสุดท้ายที่เกี่ยวกับหุ้นก็คือ สูตรหรือเครื่องมือในการเล่นหุ้นที่จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำเช่น เครื่องมือ “ทางเทคนิค” หรือการวิเคราะห์ทางเท็คนิค หรือการใช้กฏเกณฑ์แน่นอนที่อิงกับข้อมูลพื้นฐานของกิจการแนว VI มาทำการซื้อหรือขายหุ้นที่เรียกว่า Mechanical Rule เพื่อทำกำไรมากกว่าปกติ เหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นและดังเป็นระยะ ๆ แต่ไม่สามารถพิสูจน์ประสิทธิผลของสิ่งเหล่านั้นได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์
คำถามก็คือ ทำไมคนจึงยังยืนยันที่จะใช้เครื่องมือหรืออะไรก็แล้วแต่ทั้ง ๆ ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ว่ามันใช้ได้ผล หรือบางเรื่องมีการพิสูจน์ที่เป็นวิทยาศาสตร์แล้วว่ามันใช้ไม่ได้ผล ต่อไปนี้คือคำอธิบายของผมที่จะบอกว่า เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร ถ้าจะเกิดขึ้นมันมักจะต้องมีเงื่อนไขอย่างไรเพื่อที่ว่า เมื่อมันเกิดขึ้น เราจะได้ “รู้ทัน” และไม่ตกเป็นเหยื่อของมัน
ข้อแรก มันมักเป็นเรื่องที่มี “การได้เสียสูง” เช่นเป็น “ความเป็นความตาย” เรื่องของระเบิดและเรื่องของโรคเอดส์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เรื่องของหมอดูอีทีนั้นถ้าเป็นเรื่องของ “นักปฏิวัติ” ก็ชัดเจนว่าเป็นเรื่องใหญ่ได้เสียสูงสำหรับคนทำ และสุดท้ายก็เรื่องของการเล่นหุ้นซึ่งก็ “ได้เสียสูง” ในแง่เงินทอง ดังนั้น คนต้องหาทางแก้ปัญหาหรือลดความเสี่ยงในทุกทางที่ทำได้ แม้ว่าสิ่งนั้นยังไม่ได้รับการพิสูจน์หรือแม้แต่พิสูจน์แล้วแต่การพิสูจน์นั้นก็ “อาจจะผิด” ก็ได้ เหนือสิ่งอื่นใดสำหรับคนไทยที่มักจะเชื่อเรื่องของไสยาศาสตร์แล้ว เขาก็มักจะคิดว่า “ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่” บางทีอาจจะมีสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้ก็ได้
ข้อสอง “สิ่งมหัศจรรย์” นั้นเกิดขึ้นกับคนบางคนหรือเกิดขึ้นในบางครั้ง และแน่นอน คนเอาไปพูดต่อกันมากเป็นที่โจษจัน เช่น เครื่องสามารถชี้จุดที่อยู่บนคานหลังคาแล้วพบว่ามีระเบิดจริง ๆ หรือ คนเป็นโรคเอดส์อยู่แต่ตรวจแล้วไม่พบเชื้อหลังจากกินยาไปได้ไม่นาน หรือ หุ้นวิ่งไปไกลมากหลังจากทะลุ “Golden Cross” แต่สิ่งที่ “ไม่มหัศจรรย์” ที่อาจจะมีมากกว่ามากนั้น เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครพูดถึงหรือพูดถึงน้อยมาก นั่นก็คือ คนเอาไปใช้แล้วไม่เกิดผลอะไรเลย แต่คนเหล่านั้นอาจจะคิดว่าเขาใช้มันผิดวิธี หรือยานั้นอาจจะใช้ไม่ได้กับทุกคนขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน และเหตุผลอีกร้อยแปด พูดง่าย ๆ เขาคิดว่าเขาเป็นข้อยกเว้น ในขณะที่เครื่องมือหรือยานั้นเป็นสิ่งที่ใช้ได้จริง
สุดท้าย เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมีคนได้ประโยชน์ โดยเฉพาะที่เป็นการได้เงินจากการขายสินค้าหรือเครื่องมือที่ใช้การไม่ได้จริงเหล่านั้น ในบางเรื่องก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีคนได้ประโยชน์อะไร เป็นเรื่องบอกให้ “เอาบุญ” แต่ถ้าวิเคราะห์หรือมองให้ลึกซึ้งลงไปก็จะมีคนได้ประโยชน์ทางอ้อมอยู่ไม่น้อย
ในฐานะของ VI นั้น เราจะต้องตระหนักว่าในโลกและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองไทยนั้น เราจะพบกับสถานการณ์แบบ “TG 200” อยู่เรื่อย ๆ หน้าที่ของเราก็คือ พิจารณาอย่างลึกซึ้งด้วยเหตุผล ประเด็นสำคัญก็คือ ถ้าเป็นเรื่องของเราเองนั้น จะต้องมั่นใจว่าเราจะไม่ตกเป็นเหยื่อหรือเดือดร้อนในการที่จะใช้มัน เรื่องที่เป็นรูปธรรมที่สุดในฐานะนักลงทุนนั้น แน่นอน ก็คือเรื่องของเท็คนิคที่ใช้ในการลงทุนที่มักจะมีการอ้างว่าใช้ได้ผลโดยเพียงแต่ดูเส้นอะไรบางอย่างและไม่ต้องวิเคราะห์อะไรอย่างอื่นอีก แบบนี้เราอาจจะต้องระวังว่าถ้าเราใช้มันโดยที่จริง ๆ แล้วมันใช้ไม่ได้ โอกาสก็อาจจะเหมือนกับการใช้ TG 200 ในดงระเบิด นั่นคือ เราขาดทุนไม่เป็นท่า
ในอีกด้านหนึ่ง ถึงแม้ว่าเครื่องมือมันจะใช้ไม่ได้ผล แต่เราก็อาจจะไม่เสียอะไรมากในการใช้มัน หรืออาหารเสริมบางอย่างที่อาจจะไม่ให้ผลอะไรเลยกับร่างกายแต่โทษก็ไม่มีอะไรยกเว้นว่าจะเสียเงินบ้าง แบบนี้ การใช้ก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้เราเสียหายหนัก ว่าที่จริง ส่วนตัวผมก็กินยาหรืออาหารเสริมหลายอย่างที่อาจจะไม่มีผลอะไรเลยแต่ก็ยังกินอยู่ เหตุผลก็คือ สุขภาพนั้น เป็นเรื่องที่มีการ “ได้เสียสูง” และผมเคยอ่านหรือพบว่าการกินยานั้น ก่อให้เกิด “สิ่งมหัศจรรย์” ขึ้นกับคนบางคน เหนือสิ่งอื่นใด ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการกินยาหรืออาหารเสริมนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียอะไรยกเว้นต้องจ่ายเงินซื้อ ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับสุขภาพของผม ดังนั้นผมจึงกิน แต่สำหรับเรื่องการลงทุนแล้ว ผมไม่ยอมใช้อะไรที่ผมไม่เชื่อว่าจะใช้ได้ เพราะความเสียหายหรือต้นทุนนั้นสูงมาก
บทความนี้ลงใน ThaiVI.comเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2553
No comments:
Post a Comment