Sunday, January 9, 2011

สัญญาณแห่งความรุ่งเรือง

ตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาแต่ละไตรมาศนั้น มีประโยชน์น้อยในการพิจารณาการลงทุน เหตุผลก็เพราะมันเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว นักลงทุนต้องการรู้ว่าอนาคต หรือการประกาศตัวเลขในไตรมาศที่จะถึงเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรมากกว่า การที่จะรู้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรนั้น บ่อยครั้งผมจะดูจาก “สัญญาณ” ที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ผมเห็นและสัมผัสในชีวิตประจำวัน อย่างเช่นในช่วงนี้ผมรู้สึกว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยคงจะรุ่งเรืองพอสมควรที เดียว เพราะผมได้เห็นและรู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเรื่อง ต่าง ๆ ต่อไปนี้


สัญญาณแรกซึ่งผมเริ่มรู้สึกเล็กน้อยมาได้หลายเดือนแล้วก็คือ ร้านสะดวกซื้อมีคนเดินหยิบสินค้าและเข้าคิวจ่ายเงินมากขึ้น ร้านสะดวกซื้อนั้น จริง ๆ แล้วเป็นสัญญาณที่ไม่แรงหรือเป็นสัญญาณอ่อน เพราะจำนวนคนในแต่ละช่วงเวลานั้นมีไม่มาก การรอจ่ายเงินก็ไม่นาน อย่างไรก็ตาม มันเป็นสิ่งที่ผมเห็นทุกวัน บางวันเห็นมากกว่าหนึ่งครั้ง และส่วนใหญ่เห็นหลายร้าน เนื่องจากในซอยบ้านผมมีร้านสะดวกซื้อหลายร้านที่ผมต้องเดินผ่านเกือบทุกวัน การมีคนเข้าร้านสะดวกซื้อมากขึ้นเป็นสัญญาณว่าคนชั้นกลาง-ล่าง มีเงินมากขึ้นในการซื้อสินค้า เครื่องดื่มและอาหารบริโภคในชีวิตประจำวัน ดังนั้น นี่เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าน่าจะดีขึ้น

สัญญาณที่สองที่ผมเห็นก็คือ ห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กที่ให้บริการคนใน “ท้องถิ่น” และคนชั้นกลางที่เป็นพนักงานออฟฟิสที่มาต่อรถแถว ๆ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยปกติผมจะเป็น “ลูกค้าประจำ” เพราะต้องเดินจากบ้านไปรับประทานอาหารเย็นสัปดาห์ละหลาย ๆ วัน หรือแม้แต่ช่วงกลางวัน บ่อยครั้งผมต้องแวะไปรับประทานอาหารและซื้อสินค้าจิปาถะ พูดง่าย ๆ นี่แทบจะเป็น “ห้องครัว” ของผม ก่อนหน้านี้ ผมสามารถเลือกร้านอาหารและไม่ต้องรอนานกว่าจะได้รับประทาน เพราะคนมีไม่มาก แต่ในช่วง2-3 เดือนที่ผ่านมา ผมเริ่มรู้สึกว่า ร้านอาหารที่มีอยู่หลายร้านต่างก็เริ่มมีคิว เมื่อสั่งอาหารแล้วก็ต้องรอนานขึ้นกว่าที่อาหารจะมาเสิร์พ นอกจากนั้น ในช่วงเกือบบ่ายสองโมงซึ่งในอดีตมักจะเป็นช่วงที่ร้านมักจะว่างก็กลายเป็น ว่าคนก็ยังเต็มร้านอยู่ นี่เป็นสัญญาณว่าคนชั้นกลางมีเงินมากขึ้น และอาหารเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาจะใช้เงินเพิ่ม

สัญญาณที่สามที่ผมเห็นก็คือ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และหรูหรากลางเมือง นี่คือสถานที่ที่ผมจะต้องเข้าไปซื้อหาสินค้าและอาหารเพื่อที่จะรับประทาน ตลอดสัปดาห์ ดังนั้น ผมต้องเข้าไปจับจ่ายสินค้าและหา “ความบันเทิง” สัปดาห์ละครั้ง และแน่นอน ผมต้องสังเกตว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งแรกที่ผมเริ่มรู้สึกก็คือเรื่องที่จอดรถ ก่อนหน้านี้การหาที่จอดรถก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว แต่ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานั้น การหาที่จอดรถก็ยากขึ้นเรื่อย ๆ บางวันต้องถูกปัดให้ไปจอดรถในจุดที่อยู่ใกล้เคียงเนื่องจากที่จอดรถเต็มเกิน ไป สร้างความยุ่งยากให้กับผมที่ต้องขนอาหารจำนวนมากในแต่ละครั้ง และนี่เป็นสัญญาณว่า “คนรวย” กำลังใช้จ่ายมากขึ้น

ไม่ใช่เฉพาะห้างสรรพสินค้าหรูเท่านั้นที่ผมรู้สึกว่าคนมีรายได้สูงจะเข้า ใช้บริการมากขึ้น โรงพยาบาลเอกชนระดับสูงที่ผมใช้บริการอยู่เป็นประจำ และผมต้องไปตรวจสุขภาพทุก 2-3 เดือน ก็มีคนเข้าใช้บริการหนาตาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เดี๋ยวนี้ การใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนนั้นคงไม่ใช่แค่เป็นเรื่องของความเจ็บป่วยเพียง อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องที่เป็น “ทางเลือก” มากขึ้น นั่นก็คือ ถ้ามีรายได้ดีขึ้น คนก็จะเลือกใช้บริการของโรงพยาบาลเอกชนมากขึ้น ในขณะที่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีพวกเขาอาจจะไปโรงพยาบาลน้อยลง ดังนั้น นี่ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่ผมเห็นในช่วงเร็ว ๆ นี้

สัญญานที่ผมเริ่มเห็นล่าสุด และผมคิดว่ามันเป็นสัญญาณที่แรงมาก มันเป็นสัญญาณที่ผมเคยเห็นเมื่อสมัยก่อนปี 2540 ที่เศรษฐกิจไทยยังเติบโตสูงมากก็คือ “รถป้ายแดง” ที่วิ่งอยู่ในท้องถนน ในยุคนั้น รถป้ายแดงที่วิ่งอยู่บนท้องถนนนั้นมีจำนวนมากจนเป็นที่สังเกตได้ชัดเจน หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจ ยอดขายรถใหม่ก็ลดลงจนเราไม่รู้สึกว่ามีรถป้ายแดงเป็นเรื่องเป็นราวเป็นเวลา นับสิบปี จวบจนกระทั่งถึงในช่วงนี้ที่ผมรู้สึกว่ามีรถป้ายแดงมากขึ้นจนรู้สึกได้ รถป้ายแดงเป็นสัญญาณที่บอกว่าคนมีรายได้สูงและคนชั้นกลางระดับสูงมีความมั่น ใจและมีเงินหรือมีปัญญาที่จะซื้อรถมาใช้ได้มากขึ้น นั่นหมายความว่าเศรษฐกิจกำลังร้อนแรง และก็คงเติบโตสูงมากอย่างที่มีการคาดกันว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจจะโตถึง เกือบ 10% ได้

สัญญานสุดท้ายที่ผมไม่ได้สัมผัสด้วยตนเองแต่ก็เริ่มมานานพอสมควรก็คือ การซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม นี่เป็นสัญญาณที่แรงมากในช่วงก่อนวิกฤติปี 2540 ที่มีการซื้อขายเก็งกำไรและราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวด เร็ว แต่ในช่วงหลังนี้ อาจจะเป็นเพราะความต้องการบ้านจริง ๆ ของคนไทยอาจจะไม่สูงมากเนื่องจากการเกิดที่น้อยลงและสต็อกบ้านเก่ามีมาก ดังนั้น สัญญาณทางด้านการซื้ออสังหาริมทรัพย์จึงไม่ชัดเจนนัก อย่างไรก็ตาม การซื้อบ้านและคอนโดก็อยู่ในระดับที่ดีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเป็นการแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยแข็งแรงดี คนระดับกลางและสูงมีเงินและพร้อมที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและ ลงทุนจำนวนมาก

สัญญาณทั้งหลายที่กล่าวมาดูเหมือนว่าจะสอดคล้องและยืนยันอย่างชัดเจนว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ค่อนข้างจะดีมาก และน่าจะดีต่อไปอย่างน้อยอีกระยะหนึ่ง หน้าที่ของเราก็คือ หาหุ้นที่จะได้ผลดีจากภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แน่นอน กิจการจำนวนมากหรือส่วนใหญ่น่าจะได้รับประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกบริษัทจะต้องมีผลประกอบการดีขึ้น ส่วนตัวผมเองนั้นคิดว่า การที่เศรษฐกิจดีไม่ใช่เงื่อนไขของการเข้าลงทุน มันเป็นเพียง “โบนัส” ที่ผมจะได้จากการลงทุนในหุ้นของกิจการที่อยู่และเติบโตได้แม้ว่าเศรษฐกิจจะ ไม่ดี เพราะผมคิดว่า เศรษฐกิจปีนี้อาจจะดี แต่ปีหน้าทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนได้ สำหรับนักลงทุนระยะยาวแบบที่ถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ตลอดชีวิต ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการลงทุนในบริษัทที่ “อยู่ได้ในทุกฤดูกาล”


บทความนี้ลงในThaiVI.comเมื่อ 7 สิงหาคม 2553

No comments:

Post a Comment