ในปี 1999 นิตยสารฟอร์จูนอันทรงอิทธิพลประกาศชื่อนักลงทุนที่เป็น "ยักษ์ใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20" จำนวน 4 คนประกอบด้วย วอร์เรน บัฟเฟตต์ ปีเตอร์ ลินช์ จอร์จ โซรอส และ จอห์น โบเกิล แห่งกองทุน แวนการ์ด เจ้าพ่อกองทุนอิงดัชนีที่มีเม็ดเงินลงทุนมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก มาดูชีวิตและผลงานของเขา
โบเกิล เกิดในปี 1929 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในอเมริกาและในโลก นับถึงวันนี้ก็อายุ 82 ปีแล้วแต่เขาก็ยังกระตือรือร้นและเขียนหนังสือการลงทุนออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาเป็นนักเรียนที่เรียนเก่ง จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยพรินซตันและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สิ่งที่ทำให้โบเกิลมีชื่อเสียงโด่งดังเคียงข้าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็คือ การที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งกองทุนรวมอิงดัชนี S&P 500 ในปี 1974 หรือกว่า 30 ปีมาแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนอิงดัชนีที่ขายหน่วยลงทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นกอง แรก โดยที่กองทุนอิงดัชนีนี้ เขาได้รับอิทธิพลจากงานวิจัยของ ยูจีน ฟามา เบอร์ตัน มาลคีล และพอล แซมมวลสัน ปรมาจารย์ทางด้านวิชาการลงทุนที่ค้นพบทฤษฎี "ตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพ" ที่บอกว่า ราคาหุ้นในตลาดนั้นมีราคาเหมาะสมอยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะไปเลือกหุ้น ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการลงทุนก็คือ ซื้อหุ้นทุกตัวที่อยู่ในดัชนีหรืออยู่ในตลาด ไม่ต้องจ้างคนมาเลือกหุ้นลงทุนที่ทำให้สิ้นเปลืองซึ่งทำให้ผลตอบแทนของกอง ทุนลดลง
กองทุนอิงดัชนีของแวนการ์ดนั้น คิดค่าธรรมเนียมในการบริหารกองทุนต่ำมาก ระดับแค่ 0.1 หรือ 0.2 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่น่าจะเกิน 0.5% ในขณะที่กองทุนทั่วไปที่มีผู้บริหารเลือกซื้อขายหุ้นนั้นมีต้นทุนสูง มาก โดยเฉลี่ยน่าจะถึง 4-5% ต่อปี ดังนั้น โอกาสที่กองทุนทั่วไปจะทำผลงานได้ดีกว่ากองทุนอิงดัชนีจะน้อยมาก สถิติคร่าวๆ ก็คือ กองทุนอิงดัชนีสามารถเอาชนะกองทุนทั่วไปกว่า 70% ของกองทุน ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมของกองทุนอิงดัชนีทำให้กองทุนอิงดัชนีได้รับความนิยม สูงมาก กลายเป็น "กระแส" ที่มาแรงและกลายเป็นกองทุนที่คนจำนวนมากเลือกที่จะลงทุน ส่งผลให้ชื่อของ โบเกิล ในฐานะ "ผู้ริเริ่ม" กลายเป็น "ตำนาน" ของนักลงทุนแห่งศตวรรษคนหนึ่ง
โบเกิลเองนั้น ไม่ได้แค่บริหารกองทุนรวมอิงดัชนี เขาให้คำแนะนำและเผยแพร่แนวคิดเกี่ยวกับการลงทุนที่ถูกต้องและเหมาะสมกับนัก ลงทุนทั่วไป ผลงานการเขียนของเขามีหลายเล่ม อิทธิพลต่อนักลงทุนของเขาได้รับการยอมรับอย่างสูง นิตยสารไทม์ในปี 2004 จัดให้เขาเป็น "บุคคลที่มีอิทธิพลต่อประชาชนสูงที่สุด 100 คนของโลก" และต่อไปนี้คือกฎพื้นฐาน 8 ข้อ สำหรับคนที่จะซื้อกองทุนรวมเพื่อการลงทุนของโบเกิล
1.เลือกซื้อกองทุนรวมอิงดัชนีที่มีต้นทุนต่ำ นี่มาจากพื้นฐานที่กล่าวแล้วว่า ผู้จัดการการลงทุนนั้น ไม่สามารถที่จะเลือกหุ้นได้ถูกต้อง ดังนั้น ถ้าต้นทุนต่ำ ผลตอบแทนก็จะสูง
2.พิจารณาอย่างรอบคอบถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากคำแนะนำต่างๆ ข้อนี้ก็คล้ายๆ กับข้อแรก เขาคิดว่าคำแนะนำส่วนใหญ่ไม่มีประโยชน์และไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป
3.อย่าให้ค่ากับผลงานในอดีตของกองทุนมากเกินไป เขาเชื่อว่าอดีตไม่ได้บอกว่าอนาคตกองทุนจะบริหารได้ดีเหมือนกับที่ผ่านมา
4.ใช้ผลงานในอดีตที่ผ่านมาเป็นตัวกำหนดว่ากองทุนมีความสม่ำเสมอของผลงานและมีความเสี่ยงขนาดไหน
5.ระวัง "ดารา" นี่ก็คือ ผู้จัดการกองทุนรวมที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็น "ดารา" มีผลงานที่โดดเด่น เพราะดาราเหล่านี้ ในอนาคตก็มักจะ "ตกอับ" ผลงานแย่ลงหลังจากที่เราเข้าไปลงทุนซื้อหน่วยลงทุนของเขา
6.ระวังขนาดของกองทุน เพราะเมื่อกองทุนยังเล็กนั้น หลายกองทุนอาจจะทำผลงานได้อย่างโดดเด่น แต่เมื่อกองทุนใหญ่ขึ้น ผลตอบแทนการลงทุนก็มักจะแย่ลง
7.อย่าลงทุนในหลายๆ กองทุนเกินไป เพราะมันไม่มีประโยชน์ การคิดว่ากองนั้นบริหารได้ดี กองนี้มีนโยบายที่น่าสนใจ และอื่นๆ นั้น ไม่ได้เพิ่มผลตอบแทนให้เรา
8.ซื้อกองทุนเท่าที่เหมาะสมกับตนเองแล้วถือไว้ ไม่ต้องไปซื้อๆ ขายๆ ตามภาวะตลาดหรือเปลี่ยนกองทุนหรือผู้บริหารกองทุนไปๆ มาๆ
การลงทุนซื้อกองทุนรวมนั้น เป็นกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่เหมาะกับคนส่วนใหญ่ที่ไม่มีเวลาหรือความสามารถ ในการวิเคราะห์หุ้น ในประเทศไทยเองนั้นดูเหมือนว่าคนที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นจะมีค่อนข้างน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับในตลาดหุ้นสหรัฐที่นักลงทุนรายย่อยมักจะลงทุนผ่านกองทุน รวมในขณะที่นักลงทุนรายย่อยบ้านเรานั้นชอบลงทุน "เล่นหุ้น" เอง ว่าไปแล้ว กองทุนรวมหุ้นที่มีคนซื้อมากดูเหมือนว่าจะเป็นกองทุน LTF หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาวที่คนลงทุนเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีเป็น หลัก นอกเหนือไปจากนั้นก็จะเป็นการซื้อกองทุนรวมที่มีผู้บริหารกองทุนเลือกซื้อ หุ้นซึ่งผลงานการลงทุนดูเหมือนว่าจะไม่น่าประทับใจนัก
สำหรับคนที่ลงทุนซื้อกองทุนรวม กองทุนที่อิงดัชนีดูเหมือนว่าจะไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร เหตุผลเป็นอย่างไรผมก็ไม่ทราบ อาจจะเป็นเพราะไม่มีคนเชียร์หรือชี้ให้เห็นถึงผลงานและข้อดีของกองทุนอิง ดัชนีอย่าง จอห์น โบเกิล ก็ได้ และถ้าเป็นสาเหตุนี้ ผมเองก็ขอแนะนำไว้ ณ ที่นี้เลยว่า การลงทุนในกองทุนหุ้นที่อิงดัชนีคือการลงทุนในกองทุนรวมที่ดีที่สุด และนี่ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เห็นอย่างนั้น วอร์เรน บัฟเฟตต์ เองแนะนำว่า สำหรับนักลงทุนรายย่อยโดยทั่วไป กลยุทธ์การลงทุนที่ดีที่สุดก็คือ การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่อิงดัชนีที่มีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำที่สุด
บทความนี้ลงในกรุงเทพธุรกิจออนไลน์เมื่อ 31 พฤษภาคม 2554
No comments:
Post a Comment