ความแตกต่างในการลง ทุนระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มีการพูดถึงกันอยู่เรื่อยๆ ในสังคมไทยดูเหมือนจะมีการยอมรับพอสมควรว่า ผู้ชายเป็นนักลงทุนที่ดีกว่า โดยมีเหตุผลหลายๆ อย่างเช่น ผู้ชายตัดสินใจได้ "เด็ดขาด" กว่า ไม่ "ลังเล" แบบผู้หญิง ผู้ชายกล้าได้กล้าเสียกว่า ผู้ชายมีความมั่นใจในตนเองสูงกว่า ผู้ชายฟังคนอื่นน้อยกว่า และผู้ชายเก่งกว่าในด้านตัวเลข ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ เป็นต้น ด้วยความคิดนี้ ประกอบกับการที่คนมองเห็น แต่ "เซียนหุ้น" ที่เป็นผู้ชายเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ "การลงทุนแบบผู้หญิง" เป็นวิธีการลงทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ เป็นการลงทุนที่พึงหลีกเลี่ยง ถ้าไม่อยากขาดทุน หรือไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ทั้งหมดที่พูดถึงนี้ เป็นความคิดของคนไทยที่โลกของการลงทุนยังถูกครอบงำโดยบุรุษเพศ
ในต่างประเทศมีการศึกษาเรื่องจิตวิทยาของผู้หญิงกับการลงทุนมากมาย พบว่า สิ่งที่คนไทยจำนวนมากอาจจะคิดนั้นไม่เป็นจริง การลงทุนแบบ "ผู้หญิง" เขาพบว่าเป็นวิธีการลงทุนที่เหนือกว่าการลงทุนแบบ "ผู้ชาย" และสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ชาย "แพ้" มีสาเหตุสำคัญหลายๆ อย่าง เรื่องหนึ่ง ก็คือ ผู้ชายมีความมั่นใจในตนเองสูงเกินไป และสำคัญตนเองผิดว่า ตนเองมีความเก่งเหนือกว่าคนอื่นโดยเฉลี่ย ทำให้ผมนึกถึงการศึกษาที่ให้คนจัดเกรดตนเองว่า ขับรถได้ดีแค่ไหน ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ตนเองขับรถได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยซึ่งทางทฤษฎีแล้วเป็นไปไม่ได้ เพราะความเป็นจริง ก็คือ ต้องมีคนครึ่งหนึ่งที่ขับรถดีกว่าค่าเฉลี่ย และอีกครึ่งหนึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย มาลองดูกันว่าการศึกษาเรื่องการลงทุนระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายเป็นอย่างไร
การศึกษาในตลาดสหรัฐอเมริกาพบว่า ผู้หญิงซื้อขายหุ้นบ่อยน้อยกว่าผู้ชาย แปลว่าผู้หญิงถือหุ้นยาวกว่าผู้ชาย นี่คงเป็นเรื่องการตัดสินใจที่ผู้ชายมักจะทำเร็วและเด็ดขาดกว่า แต่การซื้อๆ ขายๆ หุ้นบ่อย ทำให้เกิดค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายสูง การ "ขาดทุน" จากส่วนต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขายก็จะ "กินกำไร" ที่ควรจะได้ไปไม่น้อย ยิ่งในตลาดอเมริกาที่ต้องเสียภาษีกำไรจากการซื้อขายหุ้นด้วย ยิ่งทำให้ผลตอบแทนของผู้ชายลดลงเมื่อเทียบกับผู้หญิง
คุณสมบัติข้อต่อมาของผู้หญิง ก็คือ มักกลัวความเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย คนที่ลงทุนแบบผู้หญิงมักต้องการ Margin of Safety หรือส่วนต่างเผื่อความปลอดภัยสูงกว่า นี่ก็เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้การลงทุนแบบผู้หญิงเหนือกว่าการลงทุนแบบที่ "กล้าได้กล้าเสีย" แบบผู้ชาย จริงอยู่ การลงทุนแบบที่กล้าเสี่ยงมากๆ เช่น การลงทุนในหุ้นที่ผันผวนมาก หรือการใช้มาร์จินซื้อหุ้นเหล่านี้ อาจทำให้นักลงทุนแบบผู้ชาย "รวยไปเลย" แต่หลายคนที่ผิดพลาดก็ "จนไปเลย" มองในแง่ค่าเฉลี่ยระยะยาวแล้ว การลงทุนที่เน้นความปลอดภัยสูงน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
ผู้หญิงนั้นจะมองโลกในแง่ที่ดีน้อยกว่าผู้ชาย ผู้หญิงมองโลกในแง่ที่เป็นจริงมากกว่า เวลาที่ตลาดสดใสมาก ผู้หญิงก็จะไม่ "ฝันเฟื่อง" มากเท่าผู้ชาย เช่นเดียวกัน เวลาที่ตลาดเลวร้าย ผู้หญิงก็มักจะไม่ "หดหู่" เท่าผู้ชาย มองในแง่นี้ ผู้หญิงก็จะไม่เป็น "เหยื่ออารมณ์" ของ "นายตลาด" เท่าผู้ชาย พูดง่ายๆ ผู้หญิงจะไม่ซื้อขายตามภาวะตลาดมากเท่าผู้ชาย ซึ่งมักทำให้ผู้หญิงมีแนวโน้มน้อยกว่าผู้ชาย ที่จะซื้อตอนตลาดแพงและขายตอนตลาดถูก
ผู้หญิงมีความละเอียดลออมากกว่าผู้ชายในเรื่องของการศึกษาหาข้อมูลเพื่อ การลงทุน การ "คิดแล้ว คิดอีก" "อ่านแล้ว อ่านอีก" จนมั่นใจว่าไม่พลาดแน่ เป็นวิธีการลงทุนระยะยาวที่ดีกว่าการรีบตัดสินใจซื้อขายโดยที่ยังไม่ได้ ศึกษาอย่างรอบคอบ ดังนั้น นิสัยผู้หญิงแบบนี้ จึงเป็นนิสัยการลงทุนที่น่าจะประสบความสำเร็จสูงกว่านิสัยแบบผู้ชายที่มัก เอาเร็วเข้าว่า
ผู้ชายมีความเชื่อมั่นในตนเองสูงกว่าผู้หญิง มักเชื่อว่าตนเอง "รู้" หรือมีความรู้เรื่องต่างๆ มากกว่าที่เป็นจริง ขณะที่ผู้หญิง มักยอมรับว่าพวกเธอรู้เรื่องอะไรบ้าง และเรื่องอะไรที่ไม่รู้ มองในแง่นี้ ผู้ชายอาจจะมีแนวโน้มลงทุนในสิ่งที่ตนเองไม่รู้มากกว่าผู้หญิง การลงทุนในสิ่งที่ตนเองคิดว่ารู้ดีแต่จริงๆ แล้วตนเองไม่รู้ ย่อมมีอันตรายสูง การลงทุนแบบผู้หญิงในแง่นี้ น่าจะมีความปลอดภัยสูงกว่า และย่อมหมายความว่า ผลตอบแทนในระยะยาวต้องดีกว่า
ผู้หญิงเรียนรู้จากความผิดพลาดมากกว่าผู้ชาย พูดง่ายๆ ผู้หญิง "เจ็บแล้วจำ" มากกว่าผู้ชาย นี่ก็เป็นคุณสมบัติที่ดีในการลงทุน เพราะการลงทุน บ่อยครั้งมากที่เรามักจะทำผิด "ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า" อาจเนื่องจาก "ความโลภ" ที่อยากจะได้กำไรสูง ทำให้ลืมบทเรียนความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือไม่ก็คิดว่าครั้งนี้ "ไม่เหมือนเดิม"
สุดท้ายที่ผมจะพูดถึง ก็คือ ผู้หญิงมักจะเปรียบเทียบตนเองกับเพื่อน หรืออยู่ใต้อิทธิพลของเพื่อน น้อยกว่าผู้ชาย พูดง่ายๆ ผู้ชายเวลาตัดสินใจอะไร ถ้ามีเพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานจับตาดูอยู่ เขาจะมี "แรงกดดัน" มากกว่าผู้หญิงที่ต้องทำตามแนวทางของกลุ่ม ตัวอย่างเช่น ถ้าเขารู้ว่าผลตอบแทนการลงทุนของเพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานกำลังโดดเด่นมาก เพราะพวกเขากำลังเล่น หรือลงทุนหุ้นบางกลุ่มในภาวะตลาดที่กำลังร้อนแรง ก็ยากที่ผู้ชายจะอยู่ "นิ่งเฉย" ไม่ยอมเปลี่ยนแนวทางการลงทุนของตนเอง และยอมรับผลตอบแทนที่ต่ำกว่า มองในแง่นี้ การลงทุนแบบผู้หญิงน่าจะมีหลักการที่มั่นคง และเป็นสิ่งที่ตนเองมีความชำนาญมากกว่า ผู้หญิงน่าจะตัดสินใจที่อิสระมากกว่าผู้ชาย
ผลการลงทุนของผู้หญิงโดยทั่วไปในอเมริกา เพราะซื้อขายหุ้นน้อยกว่า นั่นอาจจะเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ผลตอบแทนดีกว่าผู้ชาย แต่ด้านของมืออาชีพที่บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ที่ต้องอาศัยฝีมือและอารมณ์ขั้นสูงสุด ก็พบว่า ผู้บริหารเฮดจ์ฟันด์ที่เป็นผู้หญิง สามารถสร้างผลงานเฉลี่ยที่ดีกว่าผู้ชาย รวมถึงผลตอบแทนสม่ำเสมอกว่าผู้บริหารชาย ที่สำคัญ ในยามที่ตลาดเลวร้ายมาก ผลตอบแทนของผู้บริหารหญิง จะเลวร้ายน้อยกว่าของผู้บริหารชายมาก
หลายคนยังอาจจะสงสัยว่า ทำไมนักลงทุนเอกของโลก ที่สร้างผลตอบแทนระยะยาวได้สูงมากอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ปีเตอร์ ลินช์ และอีกหลายๆ คนจึงมีแต่ผู้ชาย แล้วจะบอกได้อย่างไรว่าการลงทุน "แบบผู้หญิง" มีประสิทธิภาพเหนือกว่า ประเด็นนี้ คำตอบน่าจะมีได้สองทาง ทางแรก คือ การลงทุนแบบผู้ชาย มีความผันผวนสูงมาก คนที่ทำได้ดีก็ดีมากๆ แต่คนที่ทำได้แย่ ผลงานก็ "ตกเหว" ไปเลย โดยค่าเฉลี่ยต่ำกว่าการลงทุนของผู้หญิง
คำอธิบายอีกทางหนึ่ง ก็คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ หรือเซียนหุ้นที่ประสบความสำเร็จระดับโลกที่เป็นผู้ชาย แท้ที่จริงแล้ว เขาใช้แนวทางการลงทุนแบบ "ผู้หญิง" ส่วนการที่ยังไม่มีผู้หญิงก้าวขึ้นมาเป็น "เซียนระดับโลก" อาจจะเป็นเรื่องของ "เวลา" ก็ได้
เหนือสิ่งอื่นใด ผู้หญิงเพิ่งจะก้าวเข้ามาในโลกของการลงทุนไม่นานนัก ในอนาคต อาจจะได้เห็นเซียนที่เป็นผู้หญิงก็ได้ นี่รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ผมคิดว่า ในที่สุดต้องมี "เซียนหุ้นหญิง" เหมือนกัน
บทความนี้ลงในกรุงเทพธุรกิจออนไลน์เมื่อ 26 กรกฎาคม 2554
No comments:
Post a Comment