ในอดีตนั้น ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเกจิอาจารย์สำคัญ ทางศาสนา ก็จะมีการเก็งเลขเด็ดเพื่อไป “แทงหวย” กัน หลายครั้งหวยก็ออก “ตรง” จนน่าทึ่ง บางครั้งเลขที่ออกก็อาจจะ “สลับ” ตัวกันบ้าง คนจำนวนมากเชื่อว่า “พระอาจารย์ให้หวย” บางครั้งก็ให้ตรงๆ บางครั้งเราก็ต้อง “ตีความ” แต่ประเด็นสำคัญก็คือท่านคงรู้หรือมีอิทธิพลต่อเลขที่จะออกในงวดหน้าจริงๆ และถ้าเราอ่านใจท่านได้ถูกต้อง โอกาสถูกรางวัลก็มีสูง
ในช่วงนี้หวยนั้นรู้สึกว่าจะมาลงที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย เหตุการณ์ก็คือ เริ่มมีคนสังเกตเห็นว่าหมายเลขที่ออกนั้น “ตรง” กับตัวเลขหลายอย่างเกี่ยวกับนายกฯ ปูอย่างไม่น่าเชื่อ เริ่มตั้งแต่หมายเลขทะเบียนรถของนายกฯ ลำดับของการเป็นนายกฯ ของไทย อาจจะมีเรื่องของบ้านเลขที่ของบ้านนายกฯ วันเกิดนายกฯ และล่าสุดหลังจากที่เลขออกมา “ถูก” หลายงวด อะไรที่เกี่ยวกับนายกฯ ปูและมีตัวเลขเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาลที่นายกฯ ป่วยและต้องเข้าใช้บริการก็กลายเป็นตัวเลขที่คนเอาไปแทงกันมากจนราคาของสลาก ที่มีเลขท้ายตรงกันปรับตัวสูงขึ้นเป็นสองร้อยบาทต่อใบเป็นต้น
ผมคงไม่ต้องพูดย้ำว่าหมายเลขที่ออกกับตัวเลขที่ติดอยู่หรือเกี่ยวข้องกับ นายกฯ ปูนั้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน หมายเลขที่ออกจากกองสลากนั้น เป็นหมายเลขที่เรียกว่า Random หรือออกโดยไม่มีรูปแบบอิงกับอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นไม่มีใครสามารถกำหนดหรือคาดเดาได้ การที่ตัวเลขไปตรงกับหมายเลขบางตัวที่เกี่ยวกับนายกฯ ปูนั้นเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น หรือบางทีมันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันเป็นเรื่องที่เราไปหาตัวเลขที่เกี่ยวกับนายกฯ ปูที่มันตรงกับรางวัลเลขท้ายหลังจากที่เลขมัน “ออกมาแล้ว” ตัวอย่างเช่น เลขที่ออกคือ 28 คนก็พยายามไปหาว่ามีตัวเลขไหนที่เกี่ยวข้องก็พบว่านายกฯ ปูเป็นนายกฯ คนที่ 28 แล้วก็ไปสรุปว่าเลขออกมาตรงทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้อาจจะไม่มีใครพูดถึง เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ นายกฯ ปูนั้น มีตัวเลขที่เกี่ยวข้องจำนวนมากเผลอๆ ถ้านับจริงๆ อาจจะเป็น 100 หมายเลข เอาเฉพาะรถยนต์ก็มีน่าจะเกือบ 10 คัน ที่มีหมายเลขทะเบียนรถติดอยู่ วันที่เกี่ยวข้องเช่นวันเกิดตัวเองและคนในครอบครัว วันรับตำแหน่ง ต่างๆ ก็น่าจะมีเป็น 10 วัน เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งทำให้รางวัลเลขท้ายสองตัวที่ออกอย่างไรเสียก็ต้องตรงกับหมายเลขใดหมาย เลขหนึ่ง ดังนั้น เรื่อง “นายกฯ ปูให้หวย” จึงไม่ใช่เรื่องจริงและไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์แต่เป็นเรื่องของความบังเอิญและ เป็นเรื่องของการเล่นข่าวเท่านั้น
เทคนิคในการทำเรื่องบังเอิญหรือเรื่องที่ไม่ได้มีเหตุมีผลที่สัมพันธ์กัน ให้เป็นเรื่อง “มหัศจรรย์” หรือน่าทึ่งแบบเรื่องหวยที่กล่าวถึงยังมีอีกมาก หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของ เทคนิคหรือวิธีในการ “สร้างความสำเร็จ” ซึ่งผมเคยอ่านมามากมายแต่หลายเรื่องผมคิดว่ามันไม่น่าจะจริงแต่เป็นเรื่อง ของ “ความลำเอียง” ที่เรามักจะนับเฉพาะคนที่สำเร็จแต่ไม่นับคนที่ล้มเหลวจากเทคนิค ตัวอย่างเรื่องที่ผมเคยอ่านพบนั้นบอกว่าถ้าคุณอยากได้อะไรหรืออยากรวยแค่ไหน นั้น คุณแค่คิดว่าอยากได้ ไม่ต้องใช้ความพยายามหรือหาวิธี หลังจากนั้นสิ่งที่คุณต้องการก็จะมาภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน เสร็จแล้วก็จะมีคนมาบอกว่าเขาทำได้จริงๆ โดยวิธีนี้ ประเด็นไม่ใช่ว่าเขาโกหก แต่อาจจะเป็นว่าคนที่คิดมีเป็นหมื่นเป็นแสนคน คนที่ทำได้อาจจะมีเพียง 1 หรือ 2 คน ที่มาบอกว่าเทคนิคใช้ได้ ส่วนคนเป็นหมื่นที่ทำไม่ได้นั้นไม่ได้มาบอก ดังนั้น ถ้าวิเคราะห์จริงๆ ก็น่าจะเป็นว่าคนที่คิดแล้วได้เงินจริงๆ นั้น เขาได้มาโดยบังเอิญไม่เกี่ยวกับเทคนิค ส่วนเทคนิคนั้นใช้ไม่ได้เลย
กลับ มาที่เรื่องของการลงทุนในหุ้น เทคนิคการลงทุนนั้นมีผู้คิดและนำเสนอมากมายนับไม่ถ้วน จำนวนมากอ้างว่าเป็นเทคนิค “มหัศจรรย์” สามารถทำเงินเป็นร้อยเป็นพันล้านบาทได้ คนที่ใช้นั้นอาจจะมีจำนวนมากหรือน้อยเท่าใดก็ยากที่จะนับ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร คนที่ใช้แล้วไม่ได้ผลหรือขาดทุนจะไม่ออกมาพูดอธิบายอะไรเลย บางทีเขาอาจจะคิดว่าเทคนิคนั้นถูกต้องแต่การใช้ของเขานั้นผิดหรือความรู้ของ เขาไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาไม่ประสบความสำเร็จ คนที่ประสบความสำเร็จและอยากพูดนั้น มักจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง ทำผลตอบแทนได้สูงมากในเวลาอันสั้น ภาพที่เขาฉายออกไปอาจทำให้ดูเหมือนกับว่าเทคนิคที่ใช้นั้นมหัศจรรย์ แต่ความเป็นจริงอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นเหตุผลอื่น หรืออาจจะเป็นเรื่องของเทคนิคที่บังเอิญเหมาะกับสถานการณ์ในขณะนั้น การนำเทคนิคไปใช้สำหรับคนอื่นและเวลาอื่น อาจจะไม่ได้ผล ว่าที่จริงเป็นเรื่องยากมากที่จะพิสูจน์ว่ามีเทคนิคอะไรที่สามารถจะทำแล้ว ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ในเรื่องของการลงทุนในหุ้น
ข้อสรุปสุดท้ายของผมก็คือ โลกเรานี้มีสิ่งที่ไม่มีคุณค่าหรือเป็น “อวิชา” ที่ถูกนำมา “ขาย” ให้เป็นสิ่ง “มหัศจรรย์” ทั้งโดยคนที่หลอกลวงและคนที่เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่ามันเป็นสิ่งที่วิเศษ หลายสิ่งนั้นไม่ได้มีต้นทุนอะไรและก็ไม่ได้ทำให้ “คนซื้อ” เดือดร้อนหรือเสียหายนี่ก็คงไม่เป็นปัญหานัก แต่หลายอย่างมี “ต้นทุน” ที่สูงมาก เช่น เราซื้อหุ้นด้วยเทคนิคที่เราคิดว่าดีแต่จริง ๆ ใช้ไม่ได้ซึ่งทำให้เราขาดทุนหนัก เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่เราได้ยินว่ามี “สิ่งมหัศจรรย์ใหม่” เราควรที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจริงไหม? จากประสบการณ์ของผมพบว่า เกือบทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง
No comments:
Post a Comment