Monday, October 24, 2011

ทุนเสน่หา


คนจะรวยได้ต้องมี ทุน ยิ่งมีทุนมากโอกาสมั่งคั่งก็มาก เพราะทุนคือทรัพยากรที่สร้างหรือทำเงินให้เรา คนไม่มีทุนหรือมีทุนน้อย โอกาสรวยแทบเป็นศูนย์

ดูเหมือนคนไม่มีทุน โอกาสรวยมากที่สุด ก็คือ การถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ซึ่งก็คือโอกาสหนึ่งในหลายๆ ล้าน และถึงจะรวยก็คงรวยไม่มากไม่ถึงร้อยล้าน

ผมพูดแบบนี้อาจทำให้หลายคน มีข้อโต้แย้งอย่างแรง เพราะเศรษฐีหรือเจ้าสัวหลายคนในเมืองไทย ว่ากันว่าไม่มีทุนเลย หลายๆ คนแทบจะมีแต่ "เสื่อผืนหมอนใบ" ตอนเริ่มต้นสร้างตัว ดังนั้นจะบอกได้อย่างไรว่าคนไม่มีทุนไม่มีวันรวย?

ที่จริงนักลงทุนหลายคนในตลาดหุ้นที่มั่งคั่งร่ำรวยในวันนี้ เริ่มจากทุนน้อยมาก แต่ผมยืนยันว่า ทุนเป็นปัจจัยสำคัญ แทบจะประการเดียวที่ทำให้คนมั่งคั่ง หรือร่ำรวย เพราะทุนในความหมายของผมครอบคลุมทุนหลายแบบ อะไรที่ทำเงินได้ก็เป็นทุนทั้งสิ้น

ทุนแบบแรก คือ ทุนทางเศรษฐกิจ หรือ Economic Capital เป็นทุนที่เราคุ้นเคยกัน ได้แก่ เงินทอง ที่ดินอาคาร หุ้น ทอง เครื่องเพชร และสิ่งของต่างๆ ที่เราจับต้องได้ มีมูลค่าและ/หรือราคาในตลาด คนที่มีทุนประเภทนี้มาก เช่น คนที่ได้รับมรดก หรือได้รับเป็นของขวัญจากพ่อแม่ทั้งให้เปล่า หรือให้ยืม จะมีโอกาสที่เขาสร้างเงิน หรือความมั่งคั่ง ซึ่งก็จะกลับมาเป็นทุนที่เพิ่มขึ้นอีก คนที่ใช้ทุนไม่เป็น เช่น นำทุนไปลงทุนต่อแล้วขาดทุนจนหมดตัว ดังนั้นการใช้ทุนให้เป็น หรือใช้อย่างฉลาดก็เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งไม่น้อยไปกว่าการ มีทุนเหมือนกัน

ทุนแบบที่สองคือ "ทุนมนุษย์" หรือ Human Capital นี่ก็ คือความรู้ ความสามารถและทักษะของเรา ซึ่งผมคิดว่า IQ มีส่วนสำคัญกำหนดว่าเราจะมีทุนแบบนี้มากน้อยแค่ไหน ทุนมนุษย์ เป็นทุนที่สร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง นั่นก็คือ ถ้าเราตั้งใจเรียนหมั่นศึกษาหาความรู้ เราก็สามารถเพิ่มพูนทุนนี้ได้ ทุนมนุษย์ ในอดีตอาจจะสร้างเงินไม่ได้มากมายนักเทียบกับทุนทางเศรษฐกิจ และมักจะมีคำกล่าวเสมอว่า "การรับจ้างกินเงินเดือนไม่มีวันรวย" แต่ในโลกที่เจริญขึ้น บริษัทขนาดใหญ่ขึ้น และมีการแบ่งแยกระหว่างเจ้าของกิจการกับผู้บริหารมากขึ้น การใช้ทุนมนุษย์ หรือความสามารถ ก็ทำเงินให้ได้มหาศาลไม่แพ้คนที่มีทุนทางเศรษฐกิจ

ทุนแบบที่สามคือ "ทุนทางสังคม" หรือ Social Capital คือการใช้ Connection หรือความสัมพันธ์ทำเงิน คนที่มีทุนแบบนี้มาก คือคนที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นๆ หรือเป็นคนที่มีภาพพจน์ดี โดยเฉพาะกับคนที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองได้ ก็สามารถใช้ความสัมพันธ์นั้นทำเงิน หรือทำให้ตนเองมั่งคั่ง ได้มากกว่าคนที่มีทุนแบบนี้น้อยกว่า แน่นอนว่าคนบางคน มีทุนแบบนี้มาก แต่ถ้าไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ในทางการเงิน ก็จะไม่ร่ำรวย หรือมั่งคั่งเพิ่ม และนี่ก็เหมือนกับทุนอย่างอื่น ที่คนบางคนอาจมี แต่ทิ้งไว้เฉยๆ หรือบริหารทุนแบบผิดพลาด ประโยชน์ก็ไม่เกิดขึ้น

ทุนตัวสุดท้าย คือสิ่งที่ผมอยากเรียกว่า "ทุนเสน่หา" หรือ Erotic Capital ถ้าจะพูดแบบเท่ๆ คือทุนพวก "สวย มีเสน่ห์ และเซ็กซี่" นี่เป็นทุนที่มีบทบาท หรือสร้างเงินและความมั่งคั่งได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมยุคข่าวสารข้อมูล ทุนเสน่หาในอดีตมักถูก "กีดกัน" ไม่ให้สามารถสร้างความมั่งคั่งหรือร่ำรวยได้ ด้วยเหตุผลทางสังคมและการปกครอง ในอดีตสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก แม้แต่นักร้องหรือดาราระดับซูเปอร์สตาร์ยังต้อง "ปากกัดตีนถีบ" คนที่เรียนจบปริญญาตรีไม่มีใครยอมเป็นดารา เพราะถูกมองว่าเป็นคน "เต้นกินรำกิน" ลูกหลาน "ไฮโซ" ในสังคมไม่ยอมให้ลูกเป็นดารา หรือไปแต่งงานกับดารา แต่เดี๋ยวนี้ตรงกันข้าม ทุกคนอยากเป็นดาราหรือแฟนดารา ดาราระดับซุปตาร์ ทำเงินมหาศาลและหลายคนร่ำรวยกว่าคนที่เป็นลูกหลานไฮโซ

แน่นอน ทุนเสน่หา ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่อยู่ในแวดวงบันเทิง คนที่เกิดมาสวยหรือหล่อ ร่างกายสูงและรักษาน้ำหนักไม่ให้อ้วน เป็นคนยิ้มมีเสน่ห์ประทับใจ บางคนดู "เซ็กซี่" สำหรับเพศตรงข้าม คนแบบนี้ถือว่ามีทุนเสน่หาสูง และถ้ารู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ เช่น ไปทำงานในแวดวงที่ให้คุณค่ากับ Erotic Capital มาก เช่นงานที่เกี่ยวข้องกับคนบันเทิงหรืองานบริการ พวกเขาจะทำเงินได้มาก และแม้แต่งานอื่นทั่วๆ ไป ความ "เสน่หา" ก็ช่วยเพิ่มความสำเร็จ หรือเพิ่มเงินให้พวกเขาได้

การศึกษาในต่างประเทศพบว่า คนหน้าตาดีประเภทหล่อหรือสวย ได้เงินเดือนโดยเฉลี่ยสูงกว่าคนหน้าตาขี้เหร่ 15-20% ในอาชีพทั่วๆ ไป ยิ่งหนักกว่านั้นคือ คนสูงจะทำเงินมากกว่าคนเตี้ย 20-25% ตรงกันข้ามคนอ้วนได้เงินเดือนต่ำกว่าคนน้ำหนักปกติ 10-15% และที่น่าแปลกคือ ผลกระทบถ้าเป็นผู้ชายส่วนใหญ่จะสูงกว่าผู้หญิง

ทุนเสน่หา ในอดีตดูเหมือนว่าจะขึ้นอยู่กับ "ดวง" เสียมาก นั่นคือเกิดมาสวยหล่อและสูง แต่ปัจจุบันนี้เราเพิ่มทุนตัวนี้ได้พอสมควร เช่น การทำศัลยกรรม การลดน้ำหนัก การเข้ายิม การทำสีผิวให้ขาว และการแต่งหน้าและแต่งตัวให้ดูดี การลงทุนเพิ่มทุนเสน่หาให้กับตัวเอง จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะนี่อาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า    คนจำนวนมาก อาจไม่ตระหนักว่าการมีหน้าตาดี หุ่นสูงใหญ่ แต่งตัวดี จะไปเกี่ยวอะไรกับการทำงานอาชีพ เช่น ผู้บริหารที่ต้องใช้ประวัติการศึกษา ทักษะ และความสามารถในการวิเคราะห์พิจารณาตัดสินใจอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงคือ คนที่มีทุนเสน่หาสูง มักได้รับการโปรโมตดีกว่าคนที่มีคุณสมบัติอื่นเท่าๆ กัน พวกเขามักได้เงินสูงกว่า ถูกเลือกให้เข้าทำงานมากกว่าคนที่หน้าตาและหุ่นไม่ให้ ทั้งๆ ที่งานเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวกับรูปร่างและหน้าตา

ทุนทั้งสี่แบบนั้น มีการเพิ่มและลดได้ ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวที่จะทำ เช่น คนที่มีทุนเป็นเงินก็มักจะไปเพิ่มทุนมนุษย์ ทุนสังคม และทุนเสน่หา ซึ่งอาจกลับไปทำให้เขาเก่ง  มีสายสัมพันธ์และดูดี ซึ่งจะทำให้เขาทำเงินเพิ่มขึ้นได้มากกว่าเงินที่ลงไป ตัวทุนเองก็เปลี่ยนแปลงไปได้ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้ เช่น ตัวทุนเสน่หา เมื่อเวลาผ่านไป ทุนนั้นจะลดลงตามธรรมชาติ ดังนั้นคนที่มีทุนตัวนี้ แต่ไม่ได้ใช้ในเวลาที่เหมาะสมอาจจะเสียโอกาสไป 

ทั้งหมดนั้น เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของทุน ซึ่งทุกคนมีแต่หลายคนอาจรู้ไม่ครบว่าตนเองมี เจ้าสัวที่รวยได้แม้เริ่มจากเสื่อผืนหมอนใบ หรือนักลงทุนที่รวยโดยเริ่มจากเงินทุนเพียงเล็กน้อย แท้จริงแล้วพวกเขาคงมีทุนมนุษย์ที่มากล้นแต่คนมองไม่เห็น แต่ถ้าเราเข้าใจทุนจริงๆ แล้ว จะไม่สงสัยเลยว่าความมั่งคั่งส่วนใหญ่มาจากทุนทั้งสิ้น 

บทความนี้ลงในกรุงเทพธุรกิจออนไลน์เมื่อ 18 ตุลาคม 2554

No comments:

Post a Comment